บทความน่าสนใจ

รวมมิตรเครื่องมือฟรีสำหรับการศึกษา

โพสต์3 มิ.ย. 2561 03:00โดยโรงเรียนเทศบาล ๒ ‎(วัดสมอราย)‎ T2

ทุกสิ่งครบจบที่ลิงค์เดียว ... รวมมิตรเครื่องมือฟรีสำหรับการศึกษา The Ultimate Education Tools

ที่มาของชื่อตำบลทั้ง 24 ตำบล ในอำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา

โพสต์27 ธ.ค. 2560 21:07โดยโรงเรียนเทศบาล ๒ ‎(วัดสมอราย)‎ T2

ประวัติ และที่มาของชื่อตำบลทั้ง 24 ตำบล ในอำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา

จะขายหรือส่งมอบ iPhone ให้คนอื่นๆ ต้องทำอะไรบ้าง?

โพสต์27 ธ.ค. 2560 21:05โดยโรงเรียนเทศบาล ๒ ‎(วัดสมอราย)‎ T2

เทศกาลซื้อเครื่องใหม่ขายเครื่องเก่าจะต้องลบข้อมูลอะไรออก ล้างเครื่อง รีเซตเครื่อง ลบ iCloud ทำยังไงก่อนที่จะขาย แชร์ไว้อ่านกันครับ

รวมเรื่องเรียกรอยยิ้มปีระกา

โพสต์27 ธ.ค. 2560 21:00โดยโรงเรียนเทศบาล ๒ ‎(วัดสมอราย)‎ T2

รอบปีที่ผ่านมาอาจเต็มไปด้วยข่าวที่สร้างความหดหู่ใจ แต่ทุกสิ่งทุกอย่างก็ไม่ได้เลวร้ายไปเสียหมด บีบีซีไทยรวบรวมข่าวเด่นในรอบปีที่ดูแล้วอดอมยิ้มตามไม่ได้ มีใครพลาดข่าวไหนไปบ้างหรือเปล่า?

เทคนิคการทำตัวอักษรวิ่งใน PowerPoint

โพสต์27 ธ.ค. 2560 20:56โดยโรงเรียนเทศบาล ๒ ‎(วัดสมอราย)‎ T2   [ อัปเดต 27 ธ.ค. 2560 20:57 ]

การทำตัวอักษรวิ่งเหมือนที่เห็นในทีวี โรงภาพยนต์ หรือในกล่องไฟประชาสัมพันธ์

10 เว็บไซต์ฝึกภาษาอังกฤษฟรี !!! ที่คุณ "ต้องไม่พลาด"

โพสต์25 ก.พ. 2560 05:19โดยโรงเรียนเทศบาล ๒ ‎(วัดสมอราย)‎ T2   [ อัปเดต 25 ก.พ. 2560 05:23 ]

10 เว็บไซต์ฝึกภาษาอังกฤษฟรี !!! ที่คุณ "ต้องไม่พลาด"

ในภาพอาจจะมี หนึ่งคนขึ้นไป, ผู้คนกำลังนั่ง และ ข้อความ

เรามาดูกันว่า 10 เว็บไซต์ มีเว็บอะไรกันบ้าง? 

ใครอยากฝึกทักษะภาษาอังกฤษด้านไหน เลือกกันตามใจชอบเลย :)

อ้อ! สำหรับเพื่อนๆคนไหนที่ลองเข้าเว็บไซต์ไหนแล้ว ชอบเว็บไหน เชียร์เว็บไหน อย่าลืมแท็กบอกเพื่อนด้วยนะ

จะได้เก่งภาษาอังกฤษไปพร้อมๆกัน ลุย!!

ในภาพอาจจะมี หนึ่งคนขึ้นไป และ ข้อความ
1. เรียนภาษาสำเนียงอังกฤษ กับสำนักข่าวชื่อดังBBC.co.uk 

เป็นที่รู้กันดีอยู่แล้ว ว่า BBC เป็นอีกช่องทางหนึ่งสำหรับการฝึกภาษาอังกฤษ ที่ได้ทั้งไวยากรณ์ คำศัพท์ การออกเสียง เป็นต้น โดยเฉพาะคนที่ต้องการฝึกสำเนียงอังกฤษหรือ British และเรายังสามารถทำแบบทดสอบได้อีกด้วย 

สิ่งที่น่าสนใจ คือ ไฟล์เสียงภาษาอังกฤษสั้นๆที่เรียกว่า 6 Minutes English ที่สามารถดาวน์โหลดมาในรูปแบบ MP3 เพื่อฝึกฟังได้ง่ายๆอีกด้วย อย่าลืมไปโหลดกันนะ

ในภาพอาจจะมี 1 คน
2. TED.com เรื่องเล่าจากเหล่าคนดังระดับโลก

“ความรู้คู่แรงบันดาลใจ” เว็บไซต์ชื่อดังระดับโลกที่รวบรวมคลิปบรรยายของบุคคลที่มีชื่อเสียงก้องโลกไว้ด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น Bill Clinton อดีตประธานาธิบดีสหรัฐ, Gordon Brown อดีตนายกรัฐมนตรีอังกฤษ, Sergey Brin และ Larry Page สองผู้ก่อตั้ง Google , Bill Gates อดีตประธานเจ้าหน้าที่บริหารไมโครซอฟท์ บุคคลที่รวยที่สุดในโลก และอาจารย์มหาวิทยาลัยชื่อดังเอาไว้มากมาย 
ในส่วนเนื้อหาเราสามารถเลือกหัวเรื่องบรรยายที่สนใจได้ตามหมวดหมู่ เช่น การบรรยายมาใหม่ การบรรยายที่มีคนสนใจมากสุด หรือเรื่องที่กำลังได้รับความนิยมในสังคม และครอบคลุมไปถึงเรื่อง technology, design, business, science, และอื่นๆ อีกมากมาย 
จุดเด่นของแต่ละคลิปนั้น คงช่วยแก้ปัญหาการฟังไม่ออกของผู้หัดฟังเริ่มแรกได้ดี เพราะแต่ละคลิปการบรรยายจะมีการใส่ subtitleไว้ให้เลือก รวมถึงภาษาไทยก็มีเช่นกัน เหมาะสำหรับผู้ที่ยังฟังไม่คล่อง ตีความหมายไม่ถูก ก็สามารถเลือก subtitle เพื่อเพิ่มความเข้าใจในเนื้อหาการบรรยายได้ เรียกได้ว่าไม่เพียงแต่ได้ทักษะการฟังเท่านั้น ยังได้แง่คิดดีๆ และปรัชญาการดำเนินชีวิต รวมถึงข้อคิดการใช้ชีวิตใหม่ๆ เพื่อนำมาปรับทัศนคติที่มีได้อีกด้วยนะ

ในภาพอาจจะมี 3 คน, ข้อความ
3. อัพเดทข่าว อัพเกรดสกิลคำศัพท์ต้องBangkokPost.com 

เว็บไซต์ฝึกภาษาอังกฤษของไทยเราบ้าง จากสำนักข่าวบางกอกโพสต์ BangkokPost.com 

ข้อดีของเว็บไซต์นี้ คือ การได้เรียนรู้ภาษาอังกฤษผ่านข่าวสารต่างๆ ในบ้านเรา เป็นผลดีทำให้ผู้เรียนสามารถเข้าใจเนื้อหาของข่าวได้ดียิ่งขึ้น และสามารถเชื่อมโยงบริบทต่างๆ ของสังคมได้ด้วย

โดยในเว็บไซต์จะมีหมวดหมู่ให้เลือกตามความสนใจ เช่น หัวข้อ Easy News จะเป็นการนำข่าวมาเรียบเรียงโดยใช้คำศัพท์พื้นฐาน เหมาะสำหรับผู้เรียนระดับปานกลาง ส่วนหัวข้อ Really Easy News นั้นจะเป็นข่าวระดับง่าย 

ซึ่งในเนื้อหาจะมีการทำตัวหนาคำศัพท์ที่คาดว่าผู้อ่านจะไม่รู้ความหมายไว้ เมื่อนำเม้าส์ไปวางก็จะขึ้นความหมายของคำนั้นๆ พร้อมทั้งตอนท้ายของเว็บไซต์จะมีการสรุปความหมายของศัพท์ในเนื้อเรื่องที่น่าสนใจ พร้อมคำแปลเป็นภาษาไทยให้ด้วย

ในภาพอาจจะมี 2 คน
4. ฝึกภาษาผ่านทางจดหมาย! “Interpals.net"

interpals.net เน้นไปที่การติดต่อผ่านทางจดหมายกับเพื่อนชาวต่างชาติ ซึ่งจะส่งจดหมายกันทางอีเมลหรือจดหมายจริงๆที่เรียกว่า snail mail ก็ได้ค่ะ 

ลักษณะการใช้งานคือเราจะต้องกรอกโปรไฟล์ แนะนำตัวคร่าวๆ และถ้าอยากมีเพื่อนทางจดหมายไปรษณีย์ก็เช็คที่ช่อง request ว่า snail mail ค่ะ เพื่อให้เพื่อนที่ต้องการเขียนไปรษณีย์เหมือนกันติดต่อเรา หรือเราไปติดต่อเค้าก็ได้ค่ะ

อีกทั้งในเว็บไซต์ยังมีหัวข้อ “Language Exchange” ไว้เอาใจคนอยากแลกเปลี่ยนภาษาด้วย ซึ่งผู้ใช้งานสามารถค้นหา Partner ที่เป็นเจ้าของภาษาที่ตนสนใจ เพื่อที่จะได้ฝึกฝนและพัฒนาทักษะการเรียนรู้ของเรา ด้วยการคลิกเลือกช่องภาษาและระบุภาษาที่เราใช้สื่อสารอยู่ จากนั้นระบบจะทำการประมวลผลคู่หูที่ต้องการเรียนรู้ภาษาเราเช่นกัน และแสดงผลขึ้นมาให้ได้เลือกสนทนาด้วย 

ถือเป็นการเริ่มต้นเรียนรู้ภาษากันและกันที่น่าสนุกไม่น้อยเลย

ไม่มีข้อความกำกับภาพอัตโนมัติ
5. เน้นฝึกทักษะการเขียนที่ lang-8.com

lang-8.com เป็นเว็บ community ที่เอาไว้ฝึก Writing ได้เป็นอย่างดี หลังจากที่เราได้ลงทะเบียนกับทางระบบแล้ว และเลือก native language ของเรา จากนั้นจึงไปเขียน paragraph ที่ write a new entry โดยอาจจะเป็น paragraph สั้นๆ หรือเป็นการบ้านจากโรงเรียนก็ได้ หลังจาก publish แล้วก็จะมีเจ้าของภาษานั้นมาตรวจสอบการเขียนให้แก่เราด้วยนะ เช่น ผิดคำไหน แก้ไขอย่างไรเป็นต้น 

ซึ่งสามารถแก้ไขเป็นประโยคต่อประโยคและเสริมคอมเมนท์ให้เหตุผลที่ต้องแก้ด้วย ในทางกลับกันเราก็สามารถไปช่วยแก้ไขให้กับคนอื่นได้เช่นกัน 

นอกจากจะได้พัฒนาทักษะการเขียนแล้วเราอาจจะได้เพื่อนเพิ่มจากเว็บนี้ด้วย โดยเว็บไซต์นี้มีเจ้าของภาษาใช้งานอยู่ถึง 190 ประเทศทั่วโลก เรียกได้ว่ามีเกือบทุกเชื้อชาติเลยทีเดียว

ไม่มีข้อความกำกับภาพอัตโนมัติ
6. คลังข้อสอบ ExamEnglish.com

ตามชื่อเลย Exam English เป็นเว็บไซต์ที่ให้เราได้ทำข้อสอบต่างๆ ทั้ง TOEFL, CPE, KET รวมทั้งข้อสอบนานาชาติอย่าง ESL/EFL อีกด้วย 

เราจะสามารถทำข้อสอบและทดสอบระดับภาษาอังกฤษได้จากบททดสอบต่างๆ ทั้งบททดสอบทักษะด้านการอ่าน การฟัง ทดสอบแกรมม่า คำศัพท์ และการเขียนค่ะ

ในภาพอาจจะมี ข้อความ
7. เรียนภาษากับแอพ busuu.com

เป็นอีกเว็บไซต์หนึ่งที่สามารถเข้าไปเรียนภาษาอะไรก็ได้ โดย busuu การันตีตัวเองว่าเป็นนวัตกรรมชุมชนออนไลน์สำหรับการเรียนภาษา ซึ่งก่อตั้งเพราะความผิดหวัง ในระบบการเรียนการสอนภาษาต่างประเทศในปัจจุบัน ที่ทั้งแพง ยาก และน่าเบื่อ 

Busuu จะมีแบบทดสอบเตรียมไว้ให้ ไม่ว่าจะเป็นแบบทดสอบด้านการเขียน การฝึกฝนคำศัพท์ การอ่านทำความเข้าใจ เป็นต้น 

นอกจากการทำแบบทดสอบแล้ว เรายังสามารถเรียนภาษาอังกฤษออนไลน์ได้โดยการเข้าร่วมกลุ่มและแชทกับสมาชิกคนอื่นๆ

ในภาพอาจจะมี 1 คน, ข้อความ
8. engVid.com ห้องเรียนเสมือนจริง สอนฟรีไม่มีกั๊ก!

สำหรับเว็บไซต์เรียนภาษาอังกฤษออนไลน์EngVid.com คุณสมบัติพิเศษของเว็บนี้อยู่ตรงที่ผู้เรียนสามารถเลือกระดับความสามารถในการเรียนรู้ของตนเองได้ เช่น สำหรับผู้เริ่มต้น Beginner, ระดับปานกลาง Intermediate และระดับสูง Advance จึงไม่ต้องกังวลว่าจะเรียนเรื่องที่ยากเกินไป

นอกจาก engVid.com ยังแยกเป็นหมวดหมู่ให้ง่ายต่อการเรียนรู้ เช่น หมวดภาษาอังกฤษเชิงธุรกิจ หมวดการพูด การอ่าน การเขียน หมวดวัฒนธรรมภาษา หมวดไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ หมวดคำสแลง และยังรวมไปถึงเทคนิคการทำข้อสอบวัดระดับอย่าง TOEFL และ TOEIC ด้วย 

โดยแต่ละคลิปจะมีอาจารย์ผู้สอนมาให้ความรู้และเทคนิคการใช้ภาษา ผ่านกระดานไวท์บอร์ด จึงทำให้ผู้เรียนออนไลน์มีความรู้สึกราวกับเรียนอยู่ในคลาสภาษาอังกฤษจริงๆยังไงยังงั้น

หลังจากเรียนผ่านวีดีโอแล้ว ยังสามารถทำแบบฝึกหัดหลังเรียนได้อีกด้วย ทางเว็บไซต์จะมี Quiz เล็กๆ ให้ทำเพื่อเพิ่มความเข้าใจต่อหัวเรื่องที่เรียนนั้นๆ โดยมีการเฉลยข้อที่ถูกต้องและให้คะแนนสำหรับการทำแบบทดสอบ และหากใครที่มีข้อสงสัยหรือไม่เข้าใจเนื้อหาที่เรียนแล้วล่ะก็ ทางเว็บไซต์ก็ยังเปิดโอกาสให้ผู้เรียนส่งข้อสงสัยผ่านทางอีเมล์เว็บอีกด้วยนะ

ในภาพอาจจะมี 2 คน, ข้อความ
9. Omegle เว็บแชทเพื่อฝึกสนทนาภาษาอังกฤษ

อีกหนึ่งเว็บแชทเพื่อฝึกภาษาอังกฤษอีกเว็บไซต์อย่าง Omegle.com ต่างกับเว็บไซต์อื่นๆตรงที่Omegle ใช้สำหรับฝึกภาษาอังกฤษอย่างเดียวเท่านั้น 

กล่าวคือ มีเพื่อนจากหลากหลายประเทศมารวมตัวกันที่นี่เพื่อพูดคุยและเรียนรู้ภาษาอังกฤษ การแชทนี้จะทำได้ทั้งแบบพิมพ์แชทปกติ (ข้อความ) หรือเป็นวีดีโอก็ได้ จะมีการสุ่มคนที่ต้องการแชทเพื่อให้ได้คนที่มีลักษณะความชอบหรือความสนใจในเรื่องเหมือนๆกัน

ในภาพอาจจะมี 1 คน, ข้อความ
10. เพิ่มทักษะการฟังด้วย elllo.org !!

elllo จะเน้นไปที่ทักษะการฟัง เราสามารถเลือกฟังสำเนียงการพูดจากผู้คนได้ทั่วโลกในหัวข้อที่แตกต่างกันออกไป เช่น กีฬา ท่องเที่ยว เกมส์ เป็นต้น โดยมี subtitle ด้านล่าง อีกทั้งยังสามารถหาเพลงดีๆฟังหรือดูคลิปได้อีกด้วย

ข้อดีของเว็บ คือ มีคลิปเยอะมาก ข้อมูลเยอะมากให้เลือกฟัง แถมมีสคริปต์ให้ด้วย เสียงมีคุณภาพบางส่วนมีการดาวน์โหลดได้ หรือมีคำถามให้ตอบด้วยแหละ

ไม่มีข้อความกำกับภาพอัตโนมัติ
อันนี้แถม เว็บที่ 11 

เป็นเว็บที่พวกเราทำขึ้น ชื่อว่า engnow.in.th

เราจะเน้นให้เพื่อนๆได้ฝึกภาษาอังกฤษใช้ตัวอย่างบทสนทนาในภาษาอังกฤษเป็นหลัก 

เพราะการที่เรียนภาษาอังกฤษอังกฤษ หรือฝึกภาษาอังกฤษทุกวันนี้ ก็เพื่อให้เราสามารถพูดได้ ฟังได้ และเข้าใจได้ในทันที 

บทสนทนาจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นมาก ในการฝึกฝนภาษาอังกฤษ 

ส่วนที่สำคัญไม่แพ้กันในการฝึกภาษาอังกฤษคือ ต้องหลักเลี่ยงการใช้คำผิด ที่เรามักพบได้บ่อยในคนไทย การใช้คำผิด ทำให้ผู้ฟัง ไม่สามารถเข้าใจในสิ่งที่เราต้องการ หรืออาจจะทำให้เข้าใจคลาดเคลื่อนได้ 

ดังนั้นสิ่งที่ถูกต้องคือต้องรู้ และปฏิบัติให้ถูกต้องที่สุด หัวข้อนี้อาจจะต้องใช้เวลาสักพัก กว่าจะใช้ถูกกันเป็นนิสัย อย่านำไปใช้เพียงแค่การท่องจำ ควรนำไปใช้บ่อยๆ แล้วเราจะใช้มันติดปากเอง
.
สุดท้ายแล้ว พวกเรา Engnow.in.th
ขอขอบคุณๆที่ให้โอกาสเราเป็นหนึ่งในส่วนเสี้ยวเล็กๆ ในการฝึกภาษาอังกฤษของเพื่อนๆ

อย่างไรก็ตาม ภาษาอังกฤษจะไม่มีวันใช้งานได้เลย ถ้าเราไม่พยายามใช้มันในทุกวัน

ถ้าไม่รู้จะใช้กับใคร ก็กดไลค์เพจแล้วแชทมาคุยกันได้ที่ Facebook page ได้
.
คราวหน้าเดี๋ยวจะมีบทความดีๆมานำเสนออีกแน่นอน!! ฝากติดตามด้วยจ้า


ที่มา : https://www.facebook.com/engnowthailand/?hc_ref=NEWSFEED

เคลียร์พื้นที่ LINE ,กู้ประวัติแชท LINE กรณีย้ายเครื่อง

โพสต์20 ก.พ. 2560 19:12โดยโรงเรียนเทศบาล ๒ ‎(วัดสมอราย)‎ T2

เคลียร์พื้นที่ LINE ,กู้ประวัติแชท LINE กรณีย้ายเครื่อง, ตรวจสอบว่า LINE เราล็อคอินอยู่บนอุปกรณ์อะไรบ้าง !!

กระทู้สนทนา
สวัสชาวพันทิพย์ทุกท่านครับขอมแบข้อมูลนี้ให้กับผู้ที่ใช้ LINE ที่กำลังหาข้อมูลนี้อยู่นะครับ (ของผมจะเป็น iOS) ในยุคนี้แทบจะทุกคนคงจะหนีไม่พ้นการใช้ LINE ทั้งที่ทำงาน ที่บ้าน ที่โรงเรียน ฯลฯ และบางครั้ง LINE ก็สร้างปัญหาให้เราโดยไม่รู้ตัวเช่น ทำให้พื้นที่เครื่องเราเต็มเนื่องจากมันใช้พื้นที่เก็บข้อมูลเยอะมากกกกกกก 
วิธีตรวจสอบว่าเครื่องเราใช้พื้นที่ไปเท่าไร และแอพอะไรใช้พื้นที่มากที่สุด ตามภาพนี้เลยครับ

1. เข้าไปที่ Settings > General > Storage & iCloud Usage > Manage Storage 









เราจะเห็นว่าแต่ละแอพใช้ข้อมูลไปเท่าไร ด้านบนก็จะแสดงว่าใช้พื้นที่ทั้งหมดไปเท่าไรและเหลือเท่าไร





เมื่อดูพื้นที่เสร็จแล้วให้เข้าไปที่ แอพ LINE เพื่อลบข้อมูลในไลน์ตามนี้ครับ







เลื่อนลงไปด้านล่าง



ในหน้านี้เราสามารถเลือกลบข้อมูลได้ไม่ว่าจะเป็น รูปภาพ, ข้อความเสียง, ไฟล์ข้อมูลพวก PDF, Word หรือสามารถลบทั้งหมดก็ได้เสร็จแล้วกดปุ่ม Delete ด้านล่างครับ โดยสิ่งที่จะหายไปจากแชทเราคือรูปภาพต่างๆ ที่เราเปิดดูหรือที่เราส่งให้คนอื่น เป็นต้น




ต่อไปเป็นวิธีตรวจสอบว่า LINE ของเราเนี่ย ล็อคอินอยู่ในอุปกรณ์อะไรบ้าง กรณีนี้สามารถช่วยผู้ที่ลืม Logout Line จากคอมที่ทำงานหรือคอมเราที่เพื่อนลืม จริงๆ มันสามารถกดออกจาก Link ที่ไลน์ส่งมาให้ในแชทได้ แต่ !!! บางคนชอบลบทิ้ง (เหมือนผม) ซึ่งชื่นชอบการลบแชททิ้งเป็นอาจินมากๆ หรือกลัวแฟนแอบล็อคอินไว้ในคอมโดยที่เราไม่รู้ (เคยทำมาก่อน 5555) ก็ให้เข้าไปล็อคเอ้าจากตรงนี้ได้เลยค้าบ 







ข้อนี้อย่าเผลอไปกด Delete Account เด็ดขาด !!!!! 







สุดท้ายและท้ายสุด การกู้ประวัติแชทไลน์ ใช้ในกรณีเราจะเปลี่ยนเครื่องใหม่ โดยประวัติแชทเราจะถูกนำไปเก็บไว้ใน iCloud ต้องลงทะเบียน e-mail และต้องจำรหัสผ่านให้ได้ด้วยนะครับ เบอร์โทรต้องเป็นเบอร์เดิมที่เราเคยลงทะเบียนกับไลน์นี้ไว้ จากนั้นทำตามขั้นตอนนี้เลยครับ 
1. เข้าที่ไปที่แอพไลน์ เลือก Settings > Chats & Calls > Chat history backup > Back up now รอจนกว่าจะ Backup เสร็จ
2. ลบแอพ Line ในเครื่องเก่า 
3. เข้า Line ในเครื่องใหม่ > เลือกล็อคอิน (ห้ามกดลงทะเบียนใหม่เด็ดขาดหากกดลงทะเบียนใหม่ไลน์เก่าจะถูกลบทันที ค่อยๆ ทำไม่ต้องรีบนะครับ) > ใส่ E-mail และรหัสผ่านและทำตามขั้นตอนตามที่ Line ระบุเมื่อเข้าใช้งานได้ช่องแชทจะว่างปล่าว
4. เข้าไปที่ Settings > Chats & Calls > Chat history backup > จะพบคำว่า Restore from Backup ให้เลือกห้วข้อนี้ (อ่านให้ละเอียดก่อนกดนะครับ) จากนั้นก็รอโหลดข้อมูล เมื่อเสร็จแล้วแชทเราก็จะกลับมาเหมือนตอนที่เรา Backup ไว้เคยครับ


ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะครับ ข้อมูลที่นำมาแบ่งปันให้เพื่อนๆ พี่ได้อ่านกันนี้ผมได้ทำมาหมดแล้วจึงเอามาแบ่งปันเผื่อว่าจะเป็นประโยชน์ให้กับผู้ที่อยากแก้ปัญหานี้ด้วยตัวเองครับ
42
  
Maverick SK  
14 กุมภาพันธ์ เวลา 17:15 น.

วิธีเข้าเกียร์ออโต้ ที่ถูกต้องระหว่างติดไฟแดง

โพสต์20 ก.พ. 2560 19:06โดยโรงเรียนเทศบาล ๒ ‎(วัดสมอราย)‎ T2

เพื่อความปลอดภัย ! วิธีเข้าเกียร์ออโต้ ที่ถูกต้องระหว่างติดไฟแดง..มาดูกันว่า…เราทำถูกหรือผิดกันแน่ ?
ความรู้เกี่ยวกับ การขับรถยนต์ เกีบร์อัตโนมัติ หรือ เกียร์ออโต้ โดยเฉพาะช่วงติดไฟแดง ควรเข้าเกียร์อะไรถูกต้องที่สุด ผู้เชี่ยวชาญมาตอบเอง….

ปัจจุบัน รถยนต์ ที่เป็น เกียร์ออโตเมติก เป็นที่นิยมอย่างมาก เนื่องจากขับขี่สบายไม่ต้องเมื่อยเปลี่ยนเกียร์และเหยียบคลัตช์ (Clutch) ตลอดเวลายามรถติด แต่อาจมีบางท่านเข้าใจผิดเกี่ยวกับการใช้ เกียร์ออโต ส่งผลให้ทอนอรยุการใช้งานของรถโดยไม่รู้ตัว…

    การเปลี่ยนเกียร์จาก D ไป N ในเวลาที่รถติดไฟแดงบ่อยๆ นั้นหลายคนคงเคยปฏิบัติกันอยู่
เนื่องจากเวลารถติดขี้เกียจเหยียบเบรกก็เข้าเกียร์ N ไว้ เมื่อรถเคลื่อนก็เปลี่ยนเป็น D ถ้าช่วงรถติดแล้วขยับเคลื่อนทีละนิดทีละหน่อย ทำให้ต้องเปลี่ยน D-N-D-N-D-N อยู่อย่างนี้เท่ากับคุณกำลังทำร้ายระบบเกียร์ของคุณอยู่
    ระบบเกียร์ออโตเมติกนั้นจะประกอบด้วยชุดเกียร์ที่ขบกันตลอดเวลา การส่งแรงจาก N ไป Dจะต้องมีการสึกหรอของเฟืองนั้นต้องมีการปล่อยและจับอยู่ตลอดเวลา อายุการใช้งานก็จะสั้นลง เพราะถ้าเบรกอยู่เฉยๆ ระบบเบรกก็ไม่ได้ร้อนขึ้นเพราะว่าจานดิสเบรกหรือดุมเบรกไม่ได้หมุน ผ้าเบรกก็ไม่สึกหรอเพราะว่าล้อไม่หมุน แรงที่ใช้ในการเหยียบก็ไม่มากขนาดจะทำให้ชุมแม่ปั๊มเบรกพังหรือทำให้อายุการใช้งานน้อยลง
    หลายคนที่เปลี่ยนเกียร์ D-N-D-N-D-N อ่าน ถึงบรรทัดนี้แล้วก็อยากจะเถียงว่าไม่เห็นมีการเปลี่ยนแปลงเลย รถยังคงสามารถขับได้ตามปกติ ระบบเกียร์ก็ยังปกติดอยู่ แต่พฤติกรรมอย่างนี้จะส่งผลแก่รถคุณในระยะยาว เปรียบเหมือนกับการสูบบุหรี่นั่นแหละ ระบบคลัตช์ของคุณจะลื่น ทำให้เวลาออกตัวคุณจะต้องเหยียบคันเร่งมากขึ้นทำให้รอบสูงขึ้น น้ำมันก็เปลืองขึ้น แต่รถกลับไม่ได้วิ่งอย่างนั้นเลยสูงขึ้น น้ำมันก็เปลืองขึ้น แต่รถกลับไม่ได้วิ่งอย่างนั้นเลย

การใช้เกียร์ออโตเมติค
เนื่อง จากขับขี่ได้ง่ายสะดวกสบายเพราะใช้เพียงคันเร่งและเบรกเท่านั้น คันเกียร์ของเกียร์ออโตเมติคจะมีตำแหน่งสำหรับใช้งานต่าง ๆ กันดังนี้

ตำแหน่ง P ใช้สำหรับจอดอยู่กับที่หรือบนพื้นที่ลาดเอียง โดยรถจะถูกล็อกให้หยุดอยู่กับที่ด้วยตัวล็อกภายในเกียร์
ตำแหน่ง R ใช้สำหรับการถอยหลัง
ตำแหน่ง N ใช้สำหรับการหยุดรออยู่กับที่บนพื้นราบ ซึ่งในตำแหน่งนี้รถสามารถเข็นให้เคลื่อนที่ได้
ตำแหน่ง D ใช้สำหรับการขับขี่แบบอัตโนมัติโดยเกียร์จะเปลี่ยนไปเองโดยอัตโนมัติตามคันเร่งและความเร็วของรถใช้ ขับขี่ได้ตั้งแต่การเริ่มออกตัวและเพิ่มความเร็วได้ไปเรื่อย ๆ จนถึงความเร็วสูงสุด การขับขี่โดยทั่วไปสามารถใช้เกียร์นี้เพียงเกียร์เดียวเท่านั้นก็ได้

หมายเหตุ สำหรับรถที่มีสวิตซ์โอเวอร์ไดร์ว ซึ่งเป็นอุปกรณ์พิเศษในเกียร์ออโต 4 สปีดบางรุ่น
เมื่อสวิตซ์โอเวอร์ไดร์วอยู่ที่ตำแหน่ง ON เกียร์ออโตจะสามารถทำงานได้ตั้งแต่เกียร์ 1 ถึงเกียร์ 4 โดยอัตโนมัติ
สวิตซ์โอเวอร์ไดร์วอยู่ที่ตำแหน่ง OFF เกียร์ออโตจะทำงานโดยอัตโนมัติได้ตั้งแต่เกียร์ 1 ถึงแค่เกียร์ 3 เท่านั้น
ฉะนั้น การปรับสวิตซ์โอเวอร์ไดร์วจากตำแหน่ง ON ไปเป็น OFF จึงเป็นการลดเกียร์จากเกียร์ 4 มาเป็นเกียร์ 3 เพื่อให้เหมาะกับการเร่งแซงขณะความเร็วสูง และเมื่อปรับสวิตซ์โอเวอร์ไดร์วจากตำแหน่ง OFF ไปเป็น ON
จะทำให้เกียร์ 3 กลับไปเป็นเกียร์ 4 อย่างเดิม ทำให้การลดเกียร์เพื่อเร่งแซง หรือเข้าโค้งเป็นไปอย่างคล่องตัวมากขึ้น
    ตำแหน่ง 2 ใช้สำหรับการขับขี่ขึ้นทางลาดชันที่ไม่สูงมากนัก และสามารถใช้ความเร็วได้พอสมควร
    ตำแหน่ง L ใช้สำหรับการขับขี่ขึ้นทางลาดชันที่สูงมาก และต้องใช้ความเร็วต่ำ
หมายเหตุ : การสตาร์ทเครื่องยนต์ถูกออกแบบให้สามารถกระทำได้เฉพาะ ตำแหน่ง P กับ N เท่านั้น เพื่อความปลอดภัย

ขอขอบคุณข้อมูลจากกระทรวงคมนาคม
    สาระควรรู้เพื่อความปลอดภัยในการขับขี่
    ที่ความเร็ว 20 กม./ชม. ระยะเบรกที่ต้องใช้อย่างน้อยที่สุด คือ 7 เมตร
    ที่ความเร็ว 40 กม./ชม. ระยะเบรกที่ต้องใช้อย่างน้อยที่สุด คือ 18 เมตร
    ที่ความเร็ว 60 กม./ชม. ระยะเบรกที่ต้องใช้อย่างน้อยที่สุด คือ 34 เมตร
    ที่ความเร็ว 80 กม./ชม. ระยะเบรกที่ต้องใช้อย่างน้อยที่สุด คือ 54 เมตร
    ที่ความเร็ว 100 กม./ชม. ระยะเบรกที่ต้องใช้อย่างน้อยที่สุด คือ 80 เมตร
    หลายคนมักเข้าใจว่า เกียร์ออโตเมติกสามารถตอบสนองการขับขี่ได้ไม่เต็มที่ โดยเฉพาะในความเร็วและอัตราเร่งขณะแซง หากมีความเข้าใจเกี่ยวกับเทคนิคต่างๆ ในการใช้เกียร์ออโตเมติก เชื่อว่าจะขับรถเกียร์ออโตเมติกได้อย่างสบาย และเพลิดเพลินด้วยความปลอดภัยไม่แพ้รถเกียร์ธรรมดาเลย
    ผู้ขับขี่ส่วนมากใช้เกียร์อยู่เพียง 4 ตำแหน่ง นั่นคือ “D4” เมื่อต้องการขับรถไปข้างหน้า
    “R” เมื่อต้องการถอยหลัง “N” หรือ “P” เมื่อต้องการจอดหรือสตาร์ตรถ
    อันที่จริงแล้วควรใช้เกียร์ตำแหน่งอื่น เพื่อเหมาะสมกับแต่ละสถานการณ์เช่นกัน

เทคนิคการขับรถเกียร์ออโตเมติกเมื่อลงทางลาดชันและการคิกดาวน์ (Kick Down) เมื่อต้องการเร่งแซง สำหรับการขับรถลงทางลาดชัน ขอแนะนำให้เลื่อนเกียร์ไปที่ตำแหน่ง “D3”

กรณีที่ทางลงนั้นมีระยะเวลายาวแต่ไม่ชันมากนัก แต่กรณีที่ทางลงนั้นชันมากๆ ให้เลื่อนเกียร์ไปที่ตำแหน่ง “2” เพื่อใช้เครื่องยนต์ช่วยเบรก (Engine Brake)

ในขณะเดียวกันควรเหยียบเบรกไปด้วยหรืออาจใช้เบรกมือเพื่อช่วยในการหยุดรถที่ ดียิ่งขึ้น ทั้งนี้อย่าใช้เกียร์ “N” หรือ “D4” ในการขับรถลงทางชัน เพราะจะไม่มีกำลังเครื่องยนต์ช่วยเบรกและช่วยชะลอความเร็ว นับเป็นการขับที่ผิดวิธีและเป็นอันตรายอย่างมาก

กรณีที่ต้องการเร่งแซงรถคันอื่น หรือต้องการแรงเพิ่มขับเคลื่อนรถอย่างกะทันหัน สามารถเพิ่มความเร็วของรถด้วยการคิกดาวน์ (Kick Down) โดยเหยียบคันเร่งลงไปเกินกว่า 80% ในครั้งเดียวเกียร์จะเปลี่ยนลงอย่างรวดเร็ว สังเกตได้จากรอบเครื่องยนต์จะสูงขึ้น ในขณะที่รถจะมีความเร็วเพิ่มขึ้น
Cr : bokcafee

แจกฟรีสูตรน้ำจิ้ม ลูกชิ้นรสเด็ด

โพสต์20 ก.พ. 2560 19:02โดยโรงเรียนเทศบาล ๒ ‎(วัดสมอราย)‎ T2

แชร์เก็บไว้เลย!! แจกฟรีสูตรน้ำจิ้ม ลูกชิ้นรสเด็ด ทำกินอร่อย ทำขายลูกค้าติดใจ
วัตถุดิบ
1.น้ำตาลมะพร้าว 200 กรัม
2.นำ้ตาลทราย 3 ช้อนโต๊ะ
3.น้ำมะขามเปียกเข้มข้น 1/2 ถ้วยตวง
(เนื้อมะขาม+น้ำร้อน 1/2 ถ้วยตวง แช่เอาไว้ พออุ่นๆบีบคั้น กรองเอาแต่น้ำ)
4.เกลือ 1/2 ช้อนชา
5.พริกแดง 5 เม็ด
6.พริกชี้ฟ้าแดง 1 เม็ด (เอาใส้และเมล็ดออก ซอยให้เล็กลง)
7.กระเทียมดอง 3 หัวเล็ก
8.น้ำกระเทียมดอง 3 ช้อนโต๊ะ
9.กระเทียมจีน 6 กรีบ
10.แป้งข้าวโพด 1 ช้อนโต๊ะ(ละลายกับน้ำ 2 ช้อนโต๊ะ)
11.พริกคั่วป่น 3 ช้อนโต๊ะ หรือความเผ็ดตามชอบ
12.รากผักชี 3 ราก
13.ต้นผักชี 1 ต้น

Advertisement

ฉุดไม่อยู่ อึดเทพเรื่องรัก ถังเช่าสกัด ของดีต้องลอง
Ads by Yengo


ขั้นตอนวิธีทำ
1. พริกแดง+พริกชี้ฟ้า+กระเทียม+รากผักชี+หัวกระเทียมดอง+น้ำกระเทียมดอง
นำไปปั่นรวมกันให้ระเอียด พักไว้

2.น้ำ 2 ถ้วยตวง+น้ำตาลทราย+น้ำตาลมะพร้าว+เกลือ
ยกขึ้นตั้งไฟกลางไปทางอ่อน เคี่ยวให้น้ำตาลละลายดี หมั่นคนเป็นระยะ ปรับเป็นไฟอ่อน เคี่ยวให้น้ำซอสข้นขึ้น

3.ใส่พริกที่ปั่นเอาไว้ คนให้เข้ากัน เคี่ยวไปอีกสักพักให้พริกกระเทียมสุก
(ขั้นตอนนี้ให้ชิมรสดูตามชอบนะคะ ให้มีรสหวาน เปรี้ยว และเค็มตาม ถ้าเปรี้ยวไปให้เติมน้ำตาล ขาดเหลือให้ปรุงรสตามชอบค่ะ)

4.ใส่พริกป่น ความเผ็ดตามชอบนะคะ

5.เมื่อเคี่ยวน้ำจิ้มเข้ากันดีแล้ว ค่อยๆใส่แป้งข้าวโพดละลายน้ำ ความเหนียวหนืดตามชอบ คนให้เข้ากัน (เมื่อน้ำจิ้มเย็นความเหนียวจะเพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อย)

6.ปิดไฟ ใส่ต้นผักชีซอย พร้อมเสริฟ

สูตรการปิ้งลูกชิ้น
1.นำลูกชิ้น ไปลวกในน้ำร้อน ตักขึ้นพักไว้ให้สะเด็ดน้ำ และนำมาเสียบไม้ บั้งให้พอสวยงาม ปิ้งด้วยไฟกลางไปทางอ่อน พร้อมเสริฟ ทานคู่กับน้ำจิ้ม ผักสดตามชอบ

ขอบคุณสูตรและข้อมูล Angel Connie

สูตรซักผ้าขาว 10 วิธี

โพสต์20 ก.พ. 2560 18:53โดยโรงเรียนเทศบาล ๒ ‎(วัดสมอราย)‎ T2

สูตรซักผ้าขาว 10 วิธี เหล่านี้ ให้ผ้าเก่ากลับมาเป็นผ้าใหม่ ไม่ต้องไปซื้อใหม่เลย

คงไม่มีใครอยากจะใส่เสื้อนักเรียนที่มีคราบเหลือง ๆ หรือขาวแบบหม่นไปโรงเรียนแน่ๆ เลยงอแงขอเสื้อตัวใหม่กันใหญ่ เอาเป็นว่าพ่อ-แม่ที่อยากจะประหยัดค่าใช้จ่ายในบ้าน ก็สามารถทำตามคำขอของลูก ๆ ได้ง่าย ๆเพียงแค่นำสูตรซักเสื้อขาวเหล่านี้ไปซักชุดนักเรียนตัวเก่าให้ลูก ๆ นำไปใส่ในวันเปิดเทอม รับรองว่าเสื้อนักเรียนที่เคยมีคราบหรือดูหมอง ๆ จะกลับมาขาววิ้งเหมือนใหม่ ลูกใส่แล้วไม่อายเพื่อนที่โรงเรียนแน่นอน

วิธีการซักผ้าขาว

1. สูตรน้ำมะนาว
รสชาติเปรี้ยวเข็ดฟันของน้ำมะนาวนี่แหละ คือตัวช่วยดี ๆ ที่ทำให้ผ้าขาวกลับมาขาวสดใสได้อีกครั้ง โดยการผสมน้ำมะนาว ½ ถ้วยตวงลงในน้ำผงซักฟอก แล้วนำเสื้อมาแช่ทิ้งเอาไว้ประมาณ 1 ชั่วโมงหรือ 1 คืนก่อนนำไปซักตามวิธีปกติอีกครั้ง 

2. สูตรน้ำส้มสายชู
สูตรนี้ให้ทำหลังจากซักเสร็จแล้ว โดยให้นำเสื้อมาซักน้ำส้มสายชู 1 ถ้วยตวงผสมน้ำเปล่าอีกครั้ง ก่อนนำไปตากให้โดนแดด ซึ่งวิธีนี้จะทำให้ผ้าขาวกลับมาใหม่และทำลายคราบหมองจนเกลี้ยง 

3. สูตรไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์
หากผ้าขาวมีคราบเลอะจนทำให้เกิดคราบหมอง ให้ผสมไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ ½ ถ้วยตวง กับเบกกิ้งโซดา ½ ถ้วยตวง และน้ำเปล่าอีก 1 ถ้วยตวง เพื่อนำมาซักกับผ้าขาวแทนการใช้ซักผงฟอกตามปกติ 

4. สูตรไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์กันน้ำยาล้างจาน
อีกหนึ่งทางเลือกดี ๆ ในการกำจัดคราบที่เป็นสาเหตุทำให้ผ้าขาวหม่นหมอง ด้วยการผสมไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ 2 ส่วนต่อน้ำยาล้างจาน 1 ส่วน เทลงบนคราบ แล้วขยี้จนกว่าคราบจะหายไป ก่อนนำไปซักตามปกติอีกครั้ง 

5. สูตรสารฟอกขาว
นำสารฟอกขาวชนิด คลอรีน บลีช (Chlorine bleach) มาผสมกับน้ำเปล่าตามขั้นตอนที่ฉลากกำกับไว้ แล้วแช่ผ้าขาวทิ้งไว้ 15 นาที ก่อนนำไปซักคราบออกให้เกลี้ยงเกลา 

6. สูตรแอมโมเนีย
แอมโมเนียช่วยให้ผ้าขาวคุณขาวสะอาดได้เหมือนกัน โดยการผสมแอมโมเนียมาผสมกับน้ำเปล่าให้เจือจาง แล้วนำไปซักผ้าขาวพร้อมผงซักฟอก แต่มีข้อแม้ว่าอย่าผสมแอมโมเนียกับผงซักฟอกโดยตรงเด็ดขาด เพราะจะทำให้เนื้อผ้าเสียหายได้ 

7. สูตรกรดซาลิก
หากผ้าขาวสะอาดเลอะคราบสนิมเหล็ก กำจัดคราบออกได้ โดยผสมกรดซาลิกประมาณ 1 ช้อนโต๊ะกับน้ำอุ่น 1 ถ้วยตวง ป้ายส่วนผสมที่ได้ลงบนคราบแล้วขยี้ แต่ถ้ายังมีคราบสีหลงเหลืออยู่ แนะนำให้ซักด้วยแอมโมเนียซ้ำอีกครั้ง แต่วิธีนี้ต้องทำอย่างระมัดระวัง เนื่องจากกรดซาลิกอาจทำให้เกิดการระคายเคืองที่ผิวหนังได้ 

8. สูตรเบกกิ้งโซดา
นอกจากเบกกิ้งโซดาจะช่วยทำความสะอาดบ้านได้แล้ว ยังทำให้ผ้าขาวเหมือนใหม่ได้อีกด้วย โดยการเทเบกกิ้งโซดา ½ ถ้วยตวงลงในน้ำผงซักฟอก ก่อนนำผ้าขาวมาซักทำความสะอาดตามปกติ ผ้าขาวของคุณก็จะขาวสะอาดเหมือนใหม่เลยล่ะ 

9. สูตรบอแรกซ์และน้ำส้มสายชู
สูตรนี้เรียกได้ว่าช่วยเพิ่มพลังกำจัดคราบได้อีกทางหนึ่ง เริ่มจากผสมบอแรกซ์ ½ ถ้วยตวงเข้ากับน้ำส้มสายชู ½ ถ้วยตวง เทผสมลงในน้ำผงซักฟอก ก่อนซักผ้าขาวตามปกติ 

10. สูตรน้ำซาวข้าว
รู้หรือไม่ว่าน้ำซาวข้าวที่เราเททิ้งนั้นมีประโยชน์มาก เพราะมันสามารถซักผ้าขาวของเราให้ขาวสะอาดได้ด้วยนะ โดยนำผ้าขาวไปซักแล้วแช่ไว้ในน้ำซาวข้าวผสมน้ำเปล่าประมาณ 2-3 นาที แล้วค่อยนำผ้าขาวมาซักอีกครั้ง 

แม้ผ้าขาวของคุณจะหม่นหมองหรือเลอะคราบเปื้อนแค่ไหน สูตรซักผ้าขาวเหล่านี้ก็สามารถช่วยให้ผ้าขาวของคุณกลับมาใหม่ได้อีกครั้ง ไม่ต้องเสียเงินซื้อซ้ำแล้วซ้ำเล่าให้สิ้นเปลืองเลย 

ที่มา - http://www.thaijobsgov.com/jobs=63717

1-10 of 10